รีวิว ขับรถไปเที่ยวเกาะนามิ: ลอดอุโมงค์ต้นแปะก๊วย ชมใบไม้เปลี่ยนสี กินไก่ทัคคาลบีชื่อดัง
![รีวิว เที่ยวเกาะนามิ ลอดอุโมงค์ต้นแปะก๊วย ชมใบไม้เปลี่ยนสี](https://www.chilloutkorea.com/wp-content/uploads/2015/12/review_เกาหลี-เกาะนามิ-750x400.jpg)
วันที่ 2 วันนี้เราเช่ารถขับที่เกาหลีเพื่อไปเที่ยวเกาะนามิกัน ได้จองรถเช่ามาจากเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว เช่าทั้งหมด 6 วัน เป็นรถ Kia Sorento 7 ที่นั่ง จริงๆนั่งกัน 5 คน แต่เผื่อที่วางกระเป๋าด้านหลังไว้ด้วยก็เลยเลือกเช่าเป็นรถคันใหญ่หน่อย คล้ายกับรถ CRV แต่ด้านหลังจะยาวกว่า ค่าเช่าทั้งหมดประมาณ 27,000 บาท ตกวันละ 4,500 บาท แต่ถ้าไปกัน 4 คนแล้วเช่าเป็นรถเล็กขับ ราคาจะถูกกว่านี้พอสมควรเลย อันนี้เช่ามาจากเว็บ rentalcars.com แต่ศูนย์เช่ารถที่เกาหลีจะเป็นของ Hertz ซึ่งอยู่เยื้องๆกับ Seoul Station และก็ห่างจากโรงแรมที่ไปพักประมาณ 50 เมตรเท่านั้นเอง
นัดรับรถไว้ตอน 7 โมงเช้า ก็เอาใบคอนเฟิร์มที่เราจองรถไว้เข้าไปรับรถด้านในตึก ออฟฟิศอยู่ที่ชั้นล่าง หลังจากยื่นเอกสารรับรถไป คือ ใบจองรถ, พาสปอร์ต, ใบขับขี่สากล, และก็บัตรเครดิตที่ใช้จองรถ เจ้าหน้าที่เช็คเอกสารและทำเรื่องเช่ารถประมาณ 20 นาทีก็ออกมาเช็ครถได้เลย ให้ตรวจดูแบบละเอียดว่ารถคันที่เราเช่านั้นมีรอยชน รอยขูดขีดตรงไหนบ้าง และอย่างลืมเช็คน้ำมันว่าน้ำมันที่เติมเป็นน้ำมันอะไร ที่เปิดถังน้ำมันอยู่ตรงไหน และตอนขากลับเราจะต้องเติมให้เต็มก่อนเอารถมาคืน ไม่อย่างนั้นที่ร้านก็จะคิดค่าน้ำมันเราเพิ่ม ซึ่งแพงกว่าเติมเองเยอะเหมือนกัน จากนั้นก็ให้พนักงานสอนใช้ GPS อันนี้จองไว้เป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ ไม่ได้เสียเงินเพิ่ม คือรวมอยู่ในราคาค่าเช่ารถเรียบร้อยแล้ว ที่เกาหลีเราสามารถใส่เบอร์โทรศัพท์ลงไปได้เลย มันก็จะบอกพิกัดที่ที่เราจะได้ให้ ตอนที่เขาสอนใช้ก็เลยเซ็ทจุดหมายแรก คือ เกาะนามิ หมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ก็คือ 582-2739 (เบอร์เต็มคือ 031-582-2739 แต่เวลาใส่ในเครื่อง GPS จะใช่แค่ 7 ตัวหลัง) เบอร์นี้เป็นเบอร์แถวที่จอดรถหน้าท่าเรือข้ามฟากไปเกาะนามิ เบอร์พวกนี้ให้เตรียมหาไว้ทำการบ้านไปก่อนเลย
เกาะนามิ – เบอร์โทรศัพท์: 031-582-2739, GPS: 37.80491, 127.52579
หลังจากตั้ง GPS เสร็จก็ออกเดินทางกันเลย ลืมบอกไปว่าที่เกาหลีจะขับคนละด้านกับบ้านเรา ที่เกาหลีคนขับจะอยู่ทางซ้าย พวงมาลัยซ้าย เลนส์ที่รถวิ่งจะก็อยู่ตรงข้ามกับเมืองไทย เพราะฉะนั้นถ้ายังไม่เคยขับช่วงแรกๆให้ขับช้าๆก่อน ปรับซ้ายขวาให้ชิน แต่ไม่ได้ยากมากอาจจะงงแค่ช่วงแรกๆเท่านั้นเอง เกาะนามิใช่เวลาขับไปประมาณ 1 ชั่วโมง แต่กว่าจะไปถึงจริงๆก็เกือบๆ 2 ชั่วโมง เพราะในโซลขอบอกว่ารถติดมากกกกก กว่าจะหลุดออกมานอกเมืองได้นี่ก็นานมาก แต่หลังจากออกมานอกโซล รถก็โล่งๆ ขับสบายกว่าในเมือง
คลิกดูข้อมูลเกาะนามิและวิธีการเดินทางอื่นๆ
พอมาถึงจอดรถเรียบร้อยแล้วก็เดินมาเข้าคิวซื้อตั๋วข้ามเกาะนามิกันเลย แนะนำให้รีบมาแต่เช้าเพราะเกาะนามิช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะมีกรุ๊ปทัวร์มาลงเยอะมาก ยิ่งสายก็ยิ่งเยอะ เดี๋ยวไปที่เกาะแล้วถ้าคนเยอะจะหามุมถ่ายรูปยาก ยิ่งตรงช่วงอุโมงค์แปะก๊วยที่เป็นจุดไฮไลท์ยิ่งเยอะมาก
ราคานี้รวมค่าตั๋วเรือไปกลับแล้ว ผู้ใหญ่ 8,000 วอน/ เด็กเล็ก(0-3 ขวบ) 4,000 วอน
(และมีราคาพิเศษสุดสำหรับผู้ที่เดินทางเที่ยวสุดท้าย รอบ 18.10 สำหรับเดือนธันวา-มีนา และ 19.10 สำหรับเดือน เมษาถึงพฤศจิกา จ่ายแค่ 4,000 วอนเท่านั้น)
เรือเฟอรี่ข้ามเกาะวิ่งเวลา 07:30-21:40
ทางเดินไปที่ท่าเรือ จะมี 2 ช่อง แบ่งเป็นช่องสำหรับกรุ๊ปทัวร์กับช่องของคนที่ไปเอง ตรงโซนนี้ไม่ต้องต่อแถว สามารถเดินเข้าไปได้เลย แต่ว่าต้องไปรอคิวตรงท่าเรือซึ่งไม่นานมากประมาณ เรือมารับทุกๆ 5-10 นาที
ตอนนี้อยู่บนเรือแล้วกำลังข้ามไปอีกฝั่ง บนเรือมี 2 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นห้องกระจก ส่วนด้านบนเปิดโล่ง ซึ่งจะไม่มีที่นั่งทั้ง 2 ชั้น ถ้าขึ้นไปบนเรือแล้วแนะนำให้ขึ้นไปยืนด้านบนวิวจะสวยกว่า อากาศดีกว่า
ถ้ามองจากเรือก็จะเห็นมีคนโรยตัวจากหอสูง Zip-wire ข้ามไปที่เกาะนามิด้วย หอนี้จะอยู่ใกล้กับที่ซื้อตั๋วเมื่อกี้นี้ ถ้าใครอยากได้ประสบการณ์ผจญภัยแบบ Adventure ก็ลองดูได้ ดูแล้วน่าสนุกดีเหมือนกัน
![เกาหลี-นามิ-5](https://www.chilloutkorea.com/wp-content/uploads/2015/12/เกาหลี-นามิ-5.jpg)
ท่าเรือบนเกาะนามิ
มาดูแผนที่เกาะนามิกันก่อน เส้นทางเดินเที่ยวบนเกาะนามิ พอนั่งเรื่อข้ามไปจุดจอดเรือจะไปอยู่ทางด้ายซ้ายมือของแผนที่ ทริปนี้เราจะเดินไปตามเส้นสีแดงในแผนที่ด้านล่าง เส้นทางหลักของเกาะนามินั้นคือเส้นซึ่งเป็นเส้นทางขาไปที่เราจะเดินกัน ส่วนขากลับเราจะอ้อมไปอีกทาง โหลดแผนที่เกาะนามิแบบขนายได้ที่นี่ จุดที่มีไอคอนคือจุดไฮไลท์ที่จะแวะกัน
พอมาถึงเกาะแล้วก็เดินตามเส้นสีแดงตรงกลางตามแผนที่ด้านบนเลย ตามมาดูบรรยากาศในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีกัน
จุดแรกที่แวะคือ “Winter Sonata’s First Kiss” ตามรอยซีรีย์ Winter Sonata เพลงรักในสายลมหนาว หรือ Winter Love Song พอเดินตามเส้นหลักตรงกลางมาซักระยะ ก็จะมีทางแยกซ้ายออกไป เดินไปเรื่อยๆจนถึงริมน้ำ ก็จะเป็นกระท่อมทรงโบราณตั้งอยู่ 3-4 หลัง และจุดถ่ายรูปก็จะอยู่ตรงปลายทาง มีโต๊ะไม้เป็นสถานที่ที่เขาถ่ายทำซีรีย์กัน
อีกมุมของทางรถราง มีต้นแปะก๋วยเขียวสลับเหลือง ยังไม่เปลี่ยนสีแต็มที่ แต่ก็สวยไปอีกแบบ
![เกาหลี-นามิ-18](https://www.chilloutkorea.com/wp-content/uploads/2015/12/เกาหลี-นามิ-18.jpg)
เส้นทางรถไฟ
จากนั้นก็เดินย้อนกลับมาทางหลัก เดินตรงไปเรื่อยๆก็จะพบกันโซนอาหาร ถ้าใครหิวก็แวะซื้อขนมหรือของกินทานก่อนได้ มีทั้งร้านอาหารแบบจริงจัง, ร้านของปิ้งย่าง และซาลาเปานึงเตาถ่านแบบโบราณ
พอหมดโซนอาหารก็จะถึงจุด Highlight ของเกาะนามิกันแล้ว นั่นก็คืออุโมงค์ต้นแปะก๊วย “Ginkgo Tree Lane” วันที่ไปนี้เป็นช่วงพีคพอดีเลย ใบแปะก๊วยเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองทั้งหมด สวยสุดๆ คนจะค่อนข้างเยอะถึงเยอะมาก แนะนำให้หามุมเอาไว้ก่อน แล้วยืนรอสักแป๊ปนึง พอมีช่วงที่คนน้อยหน่อยก็โพสท่าถ่ายเลย
![เกาหลี-นามิ-31](https://www.chilloutkorea.com/wp-content/uploads/2015/12/เกาหลี-นามิ-31.jpg)
“Ginkgo Tree Lane”
จากนั้นก็เดินตรงไปจนสุดทางของเส้น “Ginkgo Tree Lane” จะเป็นโซนบ้านพัก บริเวณนี้จะอยู่ริมน้ำ มีต้นเมเปิ้ลใบเปลี่ยนเป็นสีแดงกำลังพีคเลย จริงๆเส้นนี้ก็สามารถเดินย้อนกลับไปทางท่าเรือได้เหมือนกัน ถ้าใครมีเวลาและชอบเดินริมน้ำ จะเลือกเดินกลับเส้นนี้ก็ได้
มาต่อกันที่จุดต่อไปกันเลย เป็นอีกหนึ่งอุโมงค์ที่อยู่ใกล้ๆกัน คืออุโมงค์ทิวสนที่ตั้งเรียงตัวกันเป็นแนวยาว
พอเดินไปจนสุดทางของแนวทิวสน ให้เลี้ยวซ้ายไปตามแผนที่ จะพบกับสัญลักษณ์ของเกาะนามิที่โด่งดัง คือ รูปปั้นคู่พระนางจากเรื่องเพลงรักในสายลมหนาว Winter Sonata Statue
ระหว่างทางเดินกลับไปที่ท่าเรือ จะเป็นโซนของใบไม้แดง สวนต้นเมเปิ้ล
เดินชมบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีมาเรื่อยๆ ตอนนี้หิวมากแล้ว รอข้ามเรือไปกินไก่ทัคคาลลีตรงแถวที่จอดรถ ที่ท่าเรือคนก็ยังเยอะเหมือนเดิม
พอลงเรือเสร็จก็เดินมากินข้าวเที่ยงกันตอนบ่าย 2 ที่ร้านนี้เลยแล้วกัน มาที่นามิก็ต้องมากินกิน “ไก่ทัคคาลบี” เรียกว่าเป็นเมนูขึ้นชื่อห้ามพลาดของที่นี่
มาแล้ว “ไก่ทัคคาลบี” เสริฟมาทั้งกะทะแบบในรูปเลย แล้วพนักงานที่ร้านเขาจะมาผัดให้ ขอบอกว่าใช้เวลาค่อนข้างนาน น่าจะประมาณ 20-30 นาทีได้ กว่าไก่จะสุกแล้วเข้าเนื้อ ทานกับผักกาด และก็ของดองของเกาหลี ไก่เนื้อนุ่ม รสชาติเข้มข้นอร่อยมาก
จากนั้นก็มุ่งตรงไปยังเมืองซกโช Sokcho คืนนี้เราจะนอนกันที่เมืองนี้ เพื่อที่วันรุ่งขึ้นจะไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติซอรัคซาน ปักหมุดไปที่โรงแรมเลย HJ House Hotel: Tel. 033-632-8606, GPS 38.19208, 128.60079
เมืองซกโชเป็นเมืองติดชายทะเล อยู่ใกล้กับซอรัคซาน ดังนั้นเลยเป็นเมืองแวะพักสำหรับนักท่องเที่ยวก่อนที่จะขึ้นอุทยานแห่งชาติซอรัคซาน ในตัวเมืองก็มีที่เที่ยวน่าสนใจหลายที่ ที่นิยมไปเที่ยวกันก็คือ ตลาดปลาดงเมียง – Dongmyeong Raw Fish Market และ ศาลาริมน้ำ – Yeonggeumjeong Sunrise Pavillion
จากเกาะนามิขับมาที่เมืองซกโชใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ พอมาถึงที่นี่ก็ประมาณ 6 โมงเย็นได้ เอาของไปเก็บที่โรงแรมเสร็จก็หิวกันแล้ว มื้อค่ำคืนนี้ก่อนมาลองหาในเน็ตดู มีคนแนะนำร้านหมูกะทะเกาหลี เป็นแบบบุฟเฟ่ด้วย กินได้เต็มที่เลย พิกัดของร้าน 033-636-9590, 38.211698, 128.594844 ราคาต่อคน 1,1000 วอน (เหมือนราคาจะขึ้น ที่ดูในเน็ตมันประมาณคนละ 8,000 วอน) ที่จอดรถของที่ร้านไม่มี ต้องจอดริมถนนฝั่งตรงข้ามร้านเอาแล้วเดินข้ามถนนไป จริงๆจะมีหลายร้านตั้งเรียงกันอยู่ ทั้งร้านปิ้งย่างและก็ร้านอาหารทะเล สามารถเดินเลือกได้ตามใจชอบ
ร้านไม่ใหญ่มาก มีโต๊ะประมาณ 7-8 ตัว พอไปถึงเขาก็ถามเลยว่าเป็นคนไทยรึป่าว พาไปนั่งที่โต๊ะและก็เอาของมาเสิร์ฟ มีพาไปแนะนำเนื้อต่างๆด้วยว่ามีอะไรบ้าง อ่อ มีงูทะเลด้วยนะ ใครอยากชิมของแปลกก็ลองได้ ของที่มีให้ตักก็คล้ายๆกับหมูกะทะบ้านเรา คือมีวางไว้ให้ในตู้ และก็เดินไปหยิบได้ตามใจชอบ ดูจากเนื้อหมู เนื้อวัวที่มีให้ตักแล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่ได้หมักซอสอะไรเลย พอเอามาลองย่างดูก็จืดจริงอย่างที่คิดเลย แบบว่าเพลนมากๆ สรุปว่ามื้อนี้ไม่ค่อยถูกปากซักเท่าไหร่ แต่คนเกาหลีเขาอาจจะกินรสชาติประมาณนี้ก็ได้ เพราะเห็นโต๊ะข้างๆที่เป็นคนเกาหลีเขาตักมากินกันเยอะมาก
โปรแกรมวันนี้ยังไม่จบ เราจะไปเดินย่อยกันที่ตลาดปลาและก็ศาลาริมน้ำ 2 ที่นี้อยู่ติดกัน พิกัดก็ตามนี้เลย 033-637-4477, 38.20429, 128.59015 (ที่บอกตำแหน่ง GPS ไว้ด้วยเพราะบางที Navigation บนรถพอใส่เบอร์โทรศัพท์ไปแล้วก็หาตำแหน่งไม่เจอ ก็ต้องกด GPS ที่มือถือเอาแทน แล้วขับตามมือถือไป)
และก็มาถึงตลาดปลาดงเมียง – Dongmyeong Raw Fish เป็นเหมือนตลาดขายของทะเลสด ด้านล่างจะเป็นร้านขายปลา ส่วนด้านบนเป็นที่นั่งกินอาหาร ก็คือเลือกของทะเลจากด้านล่าง แล้วก็สั่งเขาทำเป็นอาหารแล้วขึ้นไปนั่งกินด้านบนตลาดได้
![ตลาดปลาดงเมียง - Dongmyeong Raw Fish Market](https://www.chilloutkorea.com/wp-content/uploads/2015/12/เกาหลี-นามิ-42.jpg)
ชั้นล่างขายของทะเลสดๆ ส่วนด้านบนที่เป็นนั่งกิน
เดินต่อมาอีกนิดนึงก็ถึง ศาลาริมน้ำ – Yeonggeumjeong Sunrise Pavillion ตั้งใจมาถ่ายไฟตอนกลางคืนที่นี่เพราะเขาจะเปิดไฟที่สะพานและศาลาริมน้ำด้วย เดินซักพักอากาศก็เริ่มเย็น พอถ่ายรูปเสร็จก็กลับโรงแรม